มาสร้างนิสัยรักการอ่านกันเถอะ

by Happy Wonder

การอ่านหนังสือจะช่วยให้เราเปิดทัศนคติและมุมมองใหม่ๆ ทั้งด้านความคิด อารมณ์ และวิสัยทัศน์ ช่วยคลายเครียด แถมยังลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมในวัยชราด้วยน้า จะเห็นว่าคนที่อ่านหนังสือเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการพูด การมองโลก และการวางตัวจะแตกต่างกับ  คนทั่วไป ใครอยากลองพัฒนาตัวเอง การอ่านถือเป็นสิ่งสำคัญเลยค่ะ แต่บางคนก็คิดว่าน่าเบื่อ ง่วงบ้าง เหนื่อยบ้าง งั้นเรามาสร้างนิสัยรักการอ่านกันเถอะ!  แล้วจะรู้ว่าการอ่านนั้นสนุกและมีประโยชน์มากแค่ไหนนน

กำหนดเป้าหมาย

การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้เรามีทิศทางที่ชัดเจน ลองเลือกหนังสือที่อยากอ่านมาสัก 4-5 เล่ม แพลนว่าเราจะเริ่มอ่านเล่มไหนก่อนหลัง และตั้งเป้าว่าจะอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบภายในกี่วัน กี่เดือน.. หรือกำหนดเป็นเวลาแทน เช่น จะอ่านหนังสือวันละ 20 นาที และค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน โดยประเมินจากความเร็วในการอ่านของเราว่าใช้เวลาต่อเล่มประมาณเท่าไหร่? หรือตารางในชีวิตประจำวันว่ามีเวลาเพื่อการอ่านเท่าไหร่? แต่ไม่ต้องตั้งเป้าจนเครียดหรือกดดันตัวเองจนเกินไปนะคะ เอาที่ทำได้ ใช้เป้าหมายเป็นตัวกระตุ้นการอ่านของเรา ฝันให้ไกล ไปให้ถึงจ้าาา >,<

เลือกประเภทหนังสือที่ชอบ

คนเรามักจะอยู่กับที่ชอบได้นานจริงไหมคะ? งั้นเราก็มาเริ่มต้นการอ่านจากเรื่องที่เราชอบและสนใจ ดูว่าเราเหมาะกับหนังสือประเภทไหน.. จะเป็นหนังสืออะไรก็ได้ เช่น นิยาย นิตยสาร นิทาน หรือหนังสือการ์ตูน แนะนำให้เริ่มจากอ่านหนังสือเบาสมองและตัวหนังสือที่ไม่เยอะมาก ยิ่งถ้าเป็นคนที่แทบไม่เคยแตะหนังสือมาก่อนเลย อย่าเพิ่งเริ่มต้นอ่านด้วยเนื้อหายาวเหยียด เพราะพอเปิดมาเจอตัวหนังสือเยอะๆ มีหวังท้อแท้ วางลงแทบไม่ทันแน่ะ >”<

เหมือนตอนเด็กๆ โดนบังคับให้อ่านหนังสือเรียนนั่นแหละค่ะ แค่คิดก็ง่วงแล้วใช่ม้าา แต่จริงๆ ก็มีวิธีอยู่นะคะ ถ้าเป็นหนังสือเรียนแนะนำให้แบ่งเวลาพักในการอ่านด้วย เช่น อ่าน 20-30 นาที พัก 5-10 นาที เพื่อให้สมองและร่างกายได้พัก เราจะได้ไม่รู้สึกเครียดจนเกินไปด้วยค่ะ

ให้การอ่านเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน

มีทฤษฎีพิสูจน์ไว้ว่าถ้าเราทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน สมองจะเริ่มรู้สึกว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของเรา และจะค่อยๆ ลดการต่อต้านมากขึ้น จนกลายมาเป็นหนึ่งในนิสัยของเรา

ถ้าอยากสร้างนิสัยรักการก็ต้องทำให้การอ่านหนังสือกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเลยค่า คืออ่านทุกวัน วันละ 20-30 หน้า หรือวันละครึ่งชั่วโมงก็ได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้ ทำแบบนี้ทุกวันจะการสร้างพฤติกรรมความสม่ำเสมอ กลายเป็นนิสัยที่ต้องอ่านหนังสือทุกวันโดยอัตโนมัติ เหมือนที่ต้องตื่นนอนมาอาบน้ำแปรงฟันอะไรอย่างนั้นเลยยย

สร้างบรรยากาศในการอ่าน

การนั่งอ่านหนังสือในสถานที่เงียบๆ บรรยากาศดีๆ เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน หรือในที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่านของเราได้มากขึ้นค่ะ ทำให้เรามีสมาธิ โฟกัสกับหนังสือตรงหน้าได้ง่ายขึ้น นั่งบนเก้าอี้ที่นุ่มสบายหรือหาหมอนสักใบถ้าบนพื้น มีแสงสว่างเพียงพอจะได้ไม่ปวดตาส่วนใครที่ไม่ชอบอยู่เงียบๆ ก็ลองเปิดดนตรีสบายๆ ช้าๆ คลอไปด้วยเบาๆ เหมือนตามร้านกาแฟ ก็จะช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นค่ะ
และลองสังเกตว่าเรามีสมาธิมากที่สุดในช่วงไหน บางคนจะมีสมาธิมากที่สุดช่วงเช้า บางคนก็ช่วงก่อนนอน และเลือกจัดเวลาอ่านหนังสือในช่วงเวลานั้น ถ้าสามารถอ่านเวลาเดียวกันทุกวันได้ สมองของเราก็จะเริ่มเชื่อมโยงว่าเวลานั้นเป็นเวลาอ่านหนังสือนั่นเองค่ะ

เชื่อมโยงการอ่านกับการใช้ชีวิต

พยายามยึดนิสัยการอ่านไว้กับสิ่งที่เราทำทุกวัน อย่างเช่น ทุกเช้าต้องดื่มกาแฟ เราก็จะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านไปด้วย หรือทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ จะนำหนังสือเข้าไปอ่านแทนการนั่งเล่นโทรศัพท์ เพราะถ้าเรานั่งจิบกาแฟแค่ 10 นาที 2 ครั้งต่อวัน ก็เท่ากับเราได้อ่านหนังสือวันละ 20 นาทีแล้วค่า

 

มีวันแห่งห้องสมุด

วันหยุดลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดบ้างก็ดีเหมือนกันนะคะ ในห้องสมุดนอกจากจะสามารถหยิบหนังสือของเราติดมือไปอ่านได้แบบเงียบๆ สบายๆ แถมยังมีหนังสือน่าอ่านอีกมากมายรอให้เราเลือกหา *0* นอกจากได้อ่านหนังสือในบรรยากาศเงียบๆ แล้ว ยังได้อ่านฟรีอีกต่างหากคุ้มแสนคุ้ม! คิคิ

เข้าร่วมพูดคุยในกลุ่มของคนที่ชอบอ่านหนังสือ

ออกไปหาแรงสนับสนุนด้วยการพบปะผู้คนที่สนใจในการอ่าน เราจะได้แบ่งปันเรื่องราวจากหนังสือระหว่างกัน ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราอ่านหนังสือได้แบบต่อเนื่อง ^3^ ให้ตัวเรารายล้อมไปด้วยผู้คนที่หลงใหลการอ่าน หันไปทางไหน ซ้ายขวาก็เจอแต่คนอ่านหนังสือ ชอบอะไรเหมือนๆ กัน พูดคุยภาษาเดียวกันจนเกิดความเคยชินและติดเป็นนิสัยรักการอ่านในที่สุดค่ะ

และนี่คือวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยสร้างนิสัยรักการอ่าน ลองทำตามเคล็ดลับที่เราแนะนำดูนะคะ พอเวลาผ่านไปเราจะอ่านหนังสือได้นานขึ้น และกลายมาเป็นหนอนหนังสือโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้น้า รู้ตัวอีกทีก็คือขาดหนังสือไม่ได้แล้ว~ >,<

 

Related Posts